ถุงใต้ตาบอกโรคได้จริงเหรอ!?

ถุงใต้ตาเป็นกระเปาะที่อยู่บริเวณใต้ตาของเรานี่เองนะครับ และมันมักจะมีอาการบวมในช่วงเช้าหลังตื่นนอนเป็นพิเศษ ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ได้ทำให้เกิดอันตรายกับตัวเรา แต่มักจะมีปัญหากับความมั่นใจของใบหน้ามากกว่า เช่น ถุงใต้ตาบวม, ถุงใต้ตาคล้ำ, ถุงใต้ตาเหี่ยวย่น, ถุงใต้ตาลึก หรือถุงใต้ตาใหญ่เกินไป เป็นต้นครับ ยกเว้นแต่ว่าที่มาของถุงใต้ตานั้นเป็นถุงใต้ตาบอกโรค!! (การที่มีเราโรคแฝงอยู่และแสดงอาการผ่านการมีถุงใต้ตาที่ผิดปกติ) ถ้าใครอยากรู้ว่าถุงใต้ตาของตัวเองมีความผิดปกติหรือไม่ มาหาคำตอบได้ในบทความนี้กันได้เลยครับ – หมอวี ศัลยแพทย์ตกแต่งประจำ Amara Clinic

ถุงใต้ตาบอกโรคได้หลายโรคเลยนะครับ ส่วนใหญ่ที่พบมักจะเป็นอาการอักเสบบวมแดงผิดปกติหรือเป็นติดต่อกันนานหลายวัน คนที่มีอาการเหล่านี้ ควรไปพบแพทย์เฉพาะทางหรือจักษุแพทย์โดยด่วนเลยครับ หากถุงใต้ตาบอกโรคที่ไม่ได้มีความรุนแรงมากนัก ก็อาจจะทำให้เกิดอาการที่ใช้ชีวิตลำบากมากขึ้นเพียงชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น แต่ถ้าใครดันเจอกับถุงใต้ตาบอกโรคที่มีความรุนแรงมาก อาจจะทำให้คุณถึงขั้นเสียดวงตาไปเลยก็ได้ หากเข้ารับการรักษาช้าเกินไป

โรคภูมิแพ้กับอาการถุงใต้ตาดำบวม

โรคยอดนิยมที่แสดงออกทางถุงใต้ตามากที่สุด คงจะไม่พ้นถุงใต้ตาบอกโรคภูมิแพ้ (Allergic Shiner) นะครับ สำหรับคนที่เป็นโรคภูมิแพ้ตานี้ มักจะมีอาการระคายเคืองตา คันตา เลยทำให้คนไข้จะต้องเอามือมาขยี้บ่อย ๆ ทุกครั้งเมื่อมีอาการแพ้เกิดขึ้น ซึ่งการขยี้นี่แหละครับ เป็นสาเหตุทำให้ถุงใต้ตาดำคล้ำขึ้นไม่พอ ยังทำให้ผิวใต้ตามีความเหี่ยวย่นง่ายขึ้นไปอีก

ส่วนคนที่เป็นภูมิแพ้จมูกอักเสบ หรือแพ้ฝุ่น มลพิษต่าง ๆ จะมีอาการคัดจมูกเรื้อรัง ส่งผลให้เยื่อบุจมูกมีอาการบวมมากขึ้น เมื่อเกิดอาการบวมแล้ว เลือดดำก็จะไหลผ่านบริเวณนี้ยากขึ้น จึงทำให้เลือดดำมันคั่งค้างอยู่บริเวณถุงใต้ตามากขึ้น นี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมคนเป็นภูมิแพ้ถึงใต้ตาดำนั่นเองครับ

โรคตาไทรอยด์ ทำให้ตาโปนออกมา

ถุงใต้ตาที่บอกโรคตาไทรอยด์ (Thyroid eye disease) จะทำให้คนไข้มีอาการตาโปน พร่ามัว ไวต่อแสง และบวมบริเวณถุงใต้ตา โดยมีสาเหตุมาจากการที่ระบบคุ้มกันของต่อมไทรอยด์ไม่สมดุล จึงทำให้เกิดอาการผิดปกติต่าง ๆ ขึ้น

ทั้งนี้ อาการตาโปนจะเกิดจากการที่ฮอร์โมนส่วนเกิน เข้าไปสะสมที่กล้ามเนื้อข้างหลังลูกตา ประกอบกับเซลล์ไขมันในบริเวณนั้นพองตัวและบวมขึ้น หากทิ้งไว้นาน ๆ โดยไม่ได้รับการรักษาก็จะส่งผลให้มีปัญหาตาเข มองเห็นภาพซ้อน และมองไม่ชัด เป็นต้นครับ

การที่เยื่อบุตาอักเสบบวมแดง

กรณีที่คนไข้มีอาการตาสีชมพู, ตากุ้งยิง หรือเยื่อบุตาอักเสบนั้น จะเกิดจากการติดเชื้อในต่อมน้ำตาหรือรูขุมขน (เกิดจากสารระคายเคืองต่าง ๆ และรวมไปถึงพวกแบคทีเรียและไวรัสด้วย) ส่วนใหญ่มักจะมีอาการบวมแดง มีหนอง มีไข้ และมีอาการคันร่วมด้วย ทั้งนี้ ถุงใต้ตาบอกโรคเยื่อบุตาอักเสบจะไม่เห็นชัดเจนมาก (คล้ายกับอาการข้างเคียงเฉย ๆ ) เนื่องจากจะมีอาการที่เปลือกตาด้านบนเป็นหลัก

ต่อมน้ำตาอุดตัน ถุงใต้ตาบวมอักเสบ

เมื่อน้ำตาของเราไม่สามารถระบายไปสู่โพรงจมูกตามปกติได้ ทำให้ดวงตาของเรามีน้ำตาไหลออกมาโดยไม่หยุด เนื่องมาจากการอุดตันของท่อน้ำตาหรือต่อมน้ำตานั่นเองครับ ยิ่งน้ำตาไหลออกมามากแค่ไหน ยิ่งทำถุงใต้ตาของเราบวมขึ้นเท่านั้น

โดยที่มาของการที่ทำให้ต่อมน้ำตาอุดตันมาจากอาการตาแห้ง, เยื่อบุโพรงจมูกอักเสบ, เนื้องอกที่ท่อทางเดินน้ำตา หรือการเกิดอุบัติเหตุบริเวณใบหน้า เป็นต้นครับ หากถุงใต้ตาบอกโรคเนื้องอกที่ตา จะมีอาการอื่น ๆ เพิ่มเติมร่วมด้วย อย่างการมีหนอง, เมือก, ฝี, ตาแดง, ตาอักเสบ, น้ำตาไม่หยุดไหล และการมองเห็นภาพซ้อนได้ครับ

ไตและหัวใจกำลังอ่อนแอลง

ทราบไหมครับว่าถุงใต้ตาบอกโรคไต โอกาสที่จะเป็นโรคไต และสามารถบอกว่าหัวใจกำลังอ่อนแอได้เช่นกัน ลองสังเกตดูนะครับว่าถุงใต้ตาบวมนานมากแค่ไหน สำหรับกรณีของคนที่ไม่เคยมีปัญหาถุงใต้ตาบวมมาก่อนในชีวิต แล้วอยู่ ๆ มันก็บวมขึ้นมาติดต่อกันนานหลายวัน ทั้ง ๆ ที่มีการใช้ชีวิตเหมือนเดิม หรือไม่ได้มีพฤติกรรมที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงของถุงใต้ตาบวมมากขึ้น (เช่น อดนอน ร้องไห้ หรือขี้ตาเยอะ ๆ เป็นต้น) หมอแนะนำให้ไปพบแพทย์ เพื่อความสบายใจดีกว่าครับ

สำหรับวิธีแก้ปัญหาถุงใต้ตาก็จะขึ้นอยู่กับสาเหตุที่เกิดขึ้นเป็นหลักครับ ก็จะมีทั้งการแก้ถุงใต้ตาแบบชั่วคราวหรือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตเสียใหม่ และการกำจัดถุงใต้ตาแบบถาวรหรือการผ่าตัดถุงใต้ตาออกไปนั่นเองครับ ถ้าเป็นวิธีลดถุงใต้ตาเทียม ส่วนใหญ่เราสามารถทำได้ด้วยตัวเองเลย ไม่ต้องไปเข้าคอร์สทำการรักษาอะไรมากมายก็ได้ แต่ถ้าเป็นถุงใต้ตาแท้ หรือถุงใต้ตาบอกโรค จะต้องเข้ารับการรักษากับแพทย์นะครับ

ถุงใต้ตาบอกโรคแก้ได้ไหม? หากคนไข้มีการเข้ารับการรักษากับแพทย์เฉพาะทางแล้ว ถุงใต้ตาบอกโรคนี้อาจจะยุบหายไปเป็นใต้ตาปกติของคนไข้ก็ได้ครับ แต่สำหรับกรณีที่ถุงใต้ตาบอกโรคร้ายแรง หรืออาการดังกล่าวส่งผลต่อพื้นที่รอบดวงตาอย่างมาก บริเวณถุงใต้ตาหรือรอบดวงตา อาจจะไม่ได้กลับมาสวยดั่งเดิมได้ครับ ในส่วนนี้ ต้องให้แพทย์ที่ทำการรักษาโรคเป็นผู้ประเมินและพิจารณาครับ

วิธีลดถุงใต้ตาแบบชั่วคราว โดยการปรับพฤติกรรม 

• การล้างหน้าให้ถูกวิธีและทำอย่างเบามือ ควรล้างหน้าให้สะอาดหมดจด เพื่อป้องกันไม่ให้ถุงใต้ตาเกิดการระคายเคือง
• ทาครีมบำรุงถุงใต้ตาอย่างสม่ำเสมอและเป็นประจำทุกวัน เพื่อให้ถุงใต้ตามีความชุ่มชื้นมากขึ้น
• พยายามหลีกเลี่ยงการขยี้บริเวณถุงใต้ตา เพื่อไม่ให้ถุงใต้ตาเกิดริ้วรอย หรือมีความหย่อนคล้อยมากไปกว่านี้
• การประคบเย็นเพื่อลดอาการบวมของถุงใต้ตา แนะนำเป็นช้อนแช่เย็นที่สะอาด หรือแตงกว่าหั่นแว่นแช่เย็น
• ทาครีมกันแดดบริเวณรอบดวงตาด้วย ซึ่งแสงแดดเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ถุงใต้ตาของเราหย่อนคล้อยขึ้นนั่นเอง
• ค่อย ๆ ลดความถี่ในการสูบบุหรี่ เพื่อสารในบุหรี่จะทำให้ผิวเราอ่อนแอลง และทำให้เกิดถุงใต้ตาง่ายขึ้น
• ลองปรับท่าในการนอนจากการนอนตะแคงหรือนอนคว่ำ เป็นการนอนหงายและหนุนหมอนสูงขึ้นแทน
• เลือกกินให้มากขึ้น พยายามหลีกเลี่ยงอาหารที่มีโซเดียมสูง ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ถุงใต้ตาบวมมากขึ้น
• สำหรับคนที่เป็นภูมิแพ้ ควรกินยาแก้แพ้อย่างต่อเนื่อง และงดอาหารบางชนิดตามที่แพทย์แนะนำ
• นอนหลับอย่างเพียงพอในทุก ๆ วัน และพยายามอย่างร้องไห้ก่อนนอน เพื่อไม่ให้ถุงใต้ตาบวมตอนเช้า
• การนวดถุงใต้ตาด้วยคลื่น RF หรือคลื่นความถี่วิทยุนั่นเอง โดยจะช่วยสลายไขมันและลดความหย่อนคล้อยได้
• การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เพื่อถมถุงใต้ตาให้เต็มขึ้น โดยฟิลเลอร์ได้ตาจะมีผลอยู่ประมาณ 1-2 ปีครับ

การฉีดไขมันใต้ตา

การฉีดไขมันใต้ตา (Under eyes fat transfer) เป็นการดูดไขมันเพื่อนำเซลล์ไขมันจากตัวของคนไข้ออกมา แล้วนำไปเข้าขบวนการคัดกรองให้ได้เฉพาะเซลล์ไขมันที่มีคุณภาพสูง จากนั้นก็จะทำไปปั่นให้มีโมเลกุลที่เหมาะสมที่สุดกับการฉีดเติมเต็มเข้าไปที่ถุงใต้ตา เพื่อให้ถุงใต้ตาที่เหี่ยวย่นหรือหมองคล้ำมีความเต่งตึงมากขึ้น พร้อมทั้งปรับสภาพผิวให้มีสุขภาพที่ดีขึ้นอีกด้วย โดยส่วนใหญ่แล้ว คนมักจะเติมไขมันทั่วหน้าไปเลยครับ

สำหรับผลลัพธ์ของการเติมไขมันเพื่อลดถุงใต้ตา จะได้ผลลัพธ์ที่ไม่แน่นอน บางคนอยู่ได้ 6 เดือน บางคนอยู่ได้หลายปี ซึ่งจะขึ้นอยู่กับปัจจัยของคนไข้แต่ละคนเลยนะครับ ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมตัวก่อนเติมไขมันใต้ตา, การดูแลตัวเองหลังเติมไขมันใต้ตา และรวมไปถึงเทคนิคของแพทย์ หรือมาตรฐานของคลินิกเติมไขมันที่เข้าไปทำด้วยครับ แต่ทั้งนี้ เมื่อเซลล์ไขมันได้รับการปลูกถ่ายสำเร็จ ก็จะเป็นไขมันที่อยู่ภายในถุงใต้ตาของเราแบบธรรมชาติเลยครับ

วิธีแก้ถุงใต้ตาแบบถาวร โดยการศัลยกรรม 

การผ่าตัดถุงใต้ตา (Lower-blepharoplasty) เป็นวิธีที่จะช่วยให้ถุงใต้ตาของเราหายไปอย่างถาวรเลยล่ะครับ การผ่าตัดถุงใต้ตานี้ หมอจะมีการผ่าตัดเพื่อนำไขมันส่วนเกินที่สะสมอยู่ใต้ตาออกมา และผ่าตัดเอาผิวหนังส่วนเกินที่เป็นสาเหตุในการทำให้ถุงใต้ตาหย่อนคล้อยออกไปครับ หลัก ๆ แล้วจะมีเทคนิคในการผ่าตัดถุงใต้ตาอยู่สองแบบคือ

1.การผ่าตัดถุงใต้ตา โดยการเปิดแผลด้านนอก : เหมาะกับคนที่มีผิวหย่อนคล้อยมาก ๆ หรือกล้ามเนื้อตาล่างไม่กระชับ

2.การผ่าตัดถุงใต้ตา โดยการเปิดแผลด้านใน : เหมาะกับคนมีถุงใต้ตาเยอะ แต่ไม่ค่อยมีความหย่อนคล้อย

การผ่าตัดถุงใต้ตาจะใช้ระยะเวลาในการทำเพียง 1-2 ชั่วโมงเท่านั้น โดยแนะนำให้เลือกคลินิกที่มีห้องผ่าตัดที่ปลอดเชื้อมากที่สุด มีเครื่องมืออุปกรณ์ครบครัน มีการให้ยาสลบ โดยวิสัญญีแพทย์ และรวมไปถึงศัลยแพทย์ที่ผ่าตัดจะต้องมีความเชี่ยวชาญในด้านนี้ด้วยเหมือนกันครับ หลังจากผ่าตัดถุงใต้ตาไปจะบวมมาก ๆ ในสองสามวันแรก หลังจากนั้นก็ค่อย ๆ ดีขึ้นตามลำดับ เมื่อคนไข้มีการดูแลตัวเองหลังตัดถุงใต้ตาเป็นอย่างดี