เมื่อมองหน้าปุ๊ป สิ่งที่ดึงดูดใจมากที่สุดน่าจะเป็นบริเวณดวงตาใช่ไหมครับ รูปทรงของดวงตาจะทำให้เราดูน่าสนใจและค้นหา ส่วนสิ่งที่อยู่รอบ ๆ บริเวณตาของเราอย่างบริเวณใต้ตา อาจจะมามาบดบังหรือกลบความเปล่วงประกายของตาให้ลดลงได้ บางคนมีไขมันใต้ตาเยอะ ทำให้ใต้ตาดูบวมเป่ง หนำซ้ำยังมีห้อยลงมากลายเป็นถุงใต้ตาที่มีความหย่อนคล้อยร่วมด้วย จึงทำให้ใบหน้าดูแก่ขึ้นอีกเท่าตัว ยังไม่รวมถึงความหมองคล้ำบริเวณรอบดวงตาอีกด้วยนะครับ จะดีกว่าไหมถ้าเรามีไขมันใต้ตาในปริมาณที่เหมาะสม ไม่มีริ้วรอยของถุงไขมันใต้ตามากวนใจ จะได้ทำให้ดวงตาของเราดูสดใสขึ้น และทำให้เรามีใบหน้าที่อ่อนเยาว์ลงกว่าเดิม บทความนี้จะมาแนะนำวิธีจัดการไขมันใต้ตากันครับ! – หมอนิว ศัลยแพทย์เฉพาะทางที่ Amara Clinic
ร่างกายของเราแทบทุกส่วนจะมีเซลล์ไขมันอาศัยอยู่ ไม่ว่าจะเป็นใบหน้าหรือลำตัวก็ตาม ซึ่งบริเวณเบ้าตาหรือใต้ตาก็จะมีไขมันอาศัยอยูาเช่นกัน ไขมันใต้ตาจะช่วยเติมเต็มร่องเบ้าตาให้ตื้นขึ้น (คนที่ตาโบ๋ หรือใต้ตายุบเข้าไปข้างใน แปลกว่ามีไขมันใต้ตาน้อย ทำให้ใบหน้าดูโทรมได้) หน้าที่ของไขมันได้ตาคือช่วยพยุงลูกตาเอาไว้ให้อยู่กับที่ และช่วยในการป้องกันไม่ให้ลูกตาได้รับการกระทบกระเทือน โดยแต่ละคนจะมีปริมาณของไขมันใต้ตาไม่เท่ากัน และมีลักษณะรวมไปถึงปัญหาบริเวณรอบดวงตาที่ต่างกันด้วย
คนที่มีไขมันใต้ตาเยอะ จนทำให้ไขมันใต้ตาถูกดันออกมา จะทำให้บริเวณใต้ตาเหมือนมีถุงอะไรอยู่ เพราะเกิดรอยพับอย่างชัดเจน (รอยพับจะเกิดขึ้นตรงขอบของเบ้าตาด้านล่าง) บางคนอาจจะเรียกว่าถุงไขมัน ถุงใต้ตา หรือถุงไขมันใต้ตาก็ได้ ลักษณะของไขมันใต้ตาตรงนี้ จะมีความบวมเป่ง ดูใหญ่ผิดปกติ เมื่อมองใบหน้าแล้วจะดูเด่นออกมามาก ทำให้ใบหน้าดูไม่สดใส ดูอ่อนแรงเหนื่อยล้า และดูมีอายุมากขึ้นกว่าเดิม ตรงนี้แหละครับที่เป็นปัญหาที่ทำให้หลาย ๆ คนอยากกำจัดไขมันใต้ตาให้หมดไป แต่ก่อนที่จะไปดูวิธีลดไขมันใต้ตาตรงนี้ มาทำความเข้าใจเรื่องถุงไขมันใต้ตากันอีกสักนิด เพราะมันแบ่งออกเป็น 2 ประเภทนั่นเอง

-
1.ถุงใต้ตาแท้
ถุงใต้ตาแท้คือถุงใต้ตาที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติของร่างกาย สำหรับคนที่มีถุงไขมันใต้ตาตั้งแต่อายุน้อย ๆ มักจะเป็นถุงไขมันใต้ตาที่ถ่ายทอดมาจากกรรมพันธุ์ อันเป็นเหตุให้ระบบต่อมไร้ท่อทำงานผิดปกติ และมีถุงไขมันใต้ตาอันบวมเป่งออกมา ส่วนคนที่มีไขมันใต้ตาเยอะ หรือถุงใต้ตาใหญ่ตอนมีอายุแล้ว เกิดจากการที่กล้ามเนื้อใต้ดวงตาอ่อนแรงลง จึงเกิดการหย่อนตัวคล้อยลงมา ส่งผลให้ไขมันใต้ตาและของเหลวในบริเวณนั้นถูกดันออกมา
-
2.ถุงใต้ตาเทียม
ถุงใต้ตามเทียมคือถุงใต้ตาที่เกิดแค่ชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น เกิดขึ้นในบางวัน และสามารถยุบหายไปได้ตามธรรมชาติ ถุงไขมันใต้ตาเทียมเกิดได้จากอาการบวมน้ำ อันมีที่มาจากการผิดปกติของระบบไหลเวียนของเหลวในร่างกาย นอกจากนี้ ยังรวมไปถึงพฤติกรรมการใช้ชีวิตอย่างการขยี้ตามาก ร้องไห้เยอะ พักผ่อนน้อย ใช้สายตาเยอะ เล่นโทรศัพท์ในที่มือ และรับประทานอาหารที่มีส่วนผสมของโซเดียมในปริมาณสูงด้วย
วิธีจัดการไขมันใต้ตาให้หายไป
มาถึงวิธีจัดการไขมันใต้ตาที่หลาย ๆ คนอยากทราบกันแล้ว อย่างที่หมอได้อธิบายไปว่าปัญหาถุงไขมันใต้ตานั้นมีหลายสาเหตุ และมีอยู่หลายลักษณะเลย บางคนอาจจะมีถุงใต้ตาบวมตึง หรือบางคนอาจจะมีถุงใต้ตาเยอะแต่ดันหย่อนคล้อย มีรอยพับเยอะ หรือบางคนก็อาจจะมีความหมองคล้ำร่วมด้วย เรามาดูวิธีจัดการถุงไขมันใ้ต้ตาแต่ละวิธีกันว่าวิธีไหนน่าจะดีที่สุด!
การฉีดสลายไขมันใต้ตา
การฉีดสลายไขมันใต้ตา หรือการฉีดเมโสแฟต จะเป็นการผสมตัวยาที่มีฤทธิ์ในการสลายเซลล์ไขมันเข้าไปที่ใต้ดวงตา เมื่อก่อนอาจจะได้รับความนิยมช่วงนึง แต่ในปัจจุบันแล้วไม่ค่อยนิยมครับ เพราะบริเวณดวงตาเป็นส่วนที่มีเส้นประสาทเยอะ และเป็นอวัยวะที่สำคัญกับการดำเนินชีวิตมาก หากแพทย์ที่ฉีดสลายไขมันใต้ตาไม่ชำนาน มีการใช้เครื่องมือี่ไม่สะอาด หรือใช้ตัวยาที่ไม่มีมาตรฐาน อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนขึ้นเยอะได้ ถ้าเป็นไขมันในตำแหน่งอื่น ๆ เช่น เหนียง แก้ม ต้นแขน นมน้อย ฯลฯ สามารถฉีดสลายไขมันได้ตามปกติเลยครับ

การนวดสลายไขมันใต้ตา
การนวดสลายไขมันใต้ตา เป็นการใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กนวดไปที่บริเวณใต้ดวงตา ซึ่งเครื่องดังกล่าวจะอาศัยพลังงานคลื่นเสียงวิทยุ (Radio frequency) ในการสร้างพลังงานความร้อน พลังงานความร้อนจะลงลึกทะลุชั้นผิวไปยังชั้นไขมัน ทำให้ไขมันใต้ตาสลายไปบางส่วนและลดน้อยลงนั่นเอง นอกจากนี้ พลังงานความที่ส่งไปยังชั้นผิวหนัง ยังช่วยกระตุ้นคอลลาเจนและอีลาสตินได้อีกด้วย ทำให้ไขมันใต้ตาลดลงอย่างเต่งตึง ไม่มีปัญหาใต้ตาห้อยย้อยกวนใจ ทั้งนี้ จะต้องเลือกสถานที่และเครื่องมือให้ดี เพราะเครื่องมือมีหลายเกรด บางเครื่องอาจจะมีพลังงานต่ำทำให้ไม่เห็นผล บางเครื่องอาจจะปล่อยพลังงานไม่เสถียร อาจทำให้เกิดปัญหาผิวไหม้ได้ เป็นต้น
การฉีดสารเติมเต็ม
การฉีดสารเติมเต็มเข้าไปใต้ตา เหมาะสำหรับเคสที่มีไขมันใต้ตาไม่เยอะมาก แต่มีความหย่อนคล้อยของถุงใต้ตาเป็นส่วนใหญ่ (ถุงใต้ตาหย่อนคล้อย เหี่ยวย่น ทำให้ใบหน้าดูแก่) หรือจะเป็นเคสที่มีไขมันใต้ตาน้อยเกินไปก็ได้นะครับ การฉีดสารเติมเต็มจะมีอยู่ 2 อย่าง 1. การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ราคาสูง ใช้เวลาน้อย บวมช้ำน้อย ไม่เจ็บ เห็นผลทันที ไม่อันตรายหากเป็นฟิลเลอร์แท้ และ 2. การฉีดไขมันใต้ตา เป็นการใช้เซลล์ไขมันของตัวคนไข้เองมาเติมเต็ม จึงจำเป็นที่จะต้องมีการดูดไขมันออกมาก่อน แต่เจ็บน้อยมากหรือแทบไม่เจ็บเลย ราคาถูกกว่า มีความบวมช้ำ ต้องรอการเข้าที่ประมาณ 1 เดือน
การผ่าตัดถุงใต้ตา
การผ่าตัดถุงใต้ตาเป็นการจัดการไขมันใต้ตาที่เห็นผลชัดเจนที่สุด เหมาะกับเคสที่ไขมันใต้ตาเยอะ หรือเคสที่มีอายุแล้ว ต้องการให้ใต้ดวงตามันเรียบเนียนไปเลย ซึ่งการผ่าตัดถุงใต้ตามีอยู่ 2 เทคนิค ขึ้นอยู่กับความต้องการของคนไข้ และความเหมาะสมตามที่แพทย์ประเมินครับ

1.ผ่าตัดถุงใต้ตาแผลด้านใน
การผ่าตัดถุงใต้ตา เทคนิคเปิดแผลด้านใน (Transconjunctival Lower Blepharoplasty) เหมาะกับคนอายุน้อยที่มีถุงใต้ตาใหญ่ และไมได้มีปัญหาเรื่องผิวหย่อนคล้อย หรือหนังใต้ตาล่างไม่หย่อน โดยจะเป็นการที่หมอเปิดแผลผ่าตัดไว้ด้านในของเปลือกตาล่าง ไม่เกิน 7 มิลลิเมตร จากนั้นก็จะเจาะถุงไขมัน เพื่อผ่าตัดเอาไขมันใต้ตาออกมานั่นเอง หมอจะหยอดยาชาเข้าไปให้ด้านในของดวงตาชาก่อน จากนั้นค่อยฉีดยาชาเข้าไปที่เปลือกตาล่าง ซึ่งจะทำโดยการใช้มีดผ่าตัดแบบไฟฟ้าขนาดล็ก จึงทำให้เสียเลือดน้อยมาก

2.ผ่าตัดถุงใต้ตาแผลด้านนอก
การผ่าตัดถุงใต้ตา เทคนิคเปิดแผลด้านนอก (Subcutaneous Blepharoplasty) เหมาะกับคนที่มีไขมันใต้ตา ร่วมกับผิวหนังที่หย่อนคล้อย และมีกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง โดยจะเป็นการที่หมอเปิดแผลถุงใต้ตาจากด้านนอก นำไขมันใต้ตาออกมา แล้วผ่าตัดยกกระชับกล้ามเนื้อให้แข็งแรงขึ้น ซึ่งเทคนิคนี้จะมีอาการบาดเจ็บและความบวมช้ำมากกว่า อีกทั้งยังต้องใช้ระยะเวลาในการพักฟื้นนานหลายวันด้วย
รักษาแล้ว ไขมันใต้ตาจะหายถาวรหรือไม่?
คนไข้ส่วนใหญ่มักสงสัยว่า ผ่าตัดถุงใต้ตาไปแล้วสามารถกลับมาเป็นอีกได้ไหม การผ่าตัดถุงใต้ตาเป็นการนำเอาไขมันออกไปอย่างถาวร ซึ่งภายหลังคนไข้บางคนอาจสังเกตเห็นผิวใต้ตามีลักษณะปูด ๆ คล้ายว่ามีถุงใต้ตากลับมาอีก แต่ในความจริงแล้วถุงใต้ตาที่เราเห็นว่ามันปูด ๆ นั้น สาเหตุเกิดจากผนังกล้ามเนื้อที่อยู่บริเวณถุงใต้ตามีความหย่อนคล้อยลง แต่ไม่ต้องกังวลใจไปครับ คนไข้สามารถเข้ามาปรึกษาหมอเพื่อแก้ไขด้วยวิธียกกระชับผิวใต้ตาได้ เช่น การใช้เทคโนโลยี Thermatight กระชับผิวใต้ตา กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้โครงสร้างผิวแข็งแรงยิ่งขึ้น หรือการใช้ HIFU เทคโนโลยีที่ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนในทุกชั้นผิว กระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ที่มีความแน่นกว่าเดิม ทำให้ผิวใต้ดวงตาตึงกระชับมากยิ่งขึ้นนั่นเองครับ
ผลข้างเคียงของการผ่าตัดถุงใต้ตา
การผ่าตัดถุงไขมันใต้ตานับว่าเป็นการศัลยกรรมอย่างหนึ่ง จึงจำเป็นที่จะต้องผ่าตัดโดยศัลยแพทย์เฉพาะทาง ผู้ที่มีความชำนาญการในด้านนี้โดยตรง และจะต้องมีประสบการณ์ในการผ่าตัดมาแล้วด้วยเช่นกัน หากผ่าตัดกับแพทย์ที่ไม่ชำนาญการ ประสบการณ์น้อย หรือสถานที่ที่ไม่น่าเชื่อถือ อาจทำให้มีผลข้างเคียงเหล่านี้ตามมาได้ ทั้งนี้ ก็จะขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของคนไข้และการดูแลตัวเองหลังผ่าตัดด้วยเช่นกัน
- ปัญหาตาลึกโบ๋ที่เกิดจากการผ่าตัดนำไขมันใต้ตาออกเยอะเกินไป
- ปัญหาผิวหย่อนคล้อย หนังใต้ตาห้อยเป็นชั้น ๆ เพราะนำไขมันใต้ตาออกมากเกินไป
- ตาเบะออก หรือเอ็นตาหย่อนคล้อย ทำให้หลับตาได้ไม่สนิทเหมือนเดิม
- การที่น้ำตาลไหลซึมออกมาย่อน ๆ เพราะท่อน้ำตาที่อยู่บริเวณหัวตาได้รับการกระทบกระเทือน

ก่อนจัดการไขมันใต้ตา ต้องเช็คสถานพยาบาลให้ดี!!
- เลือกสถานที่ผ่าตัดถุงใต้ตาที่น่าเชื่อถือและได้มาตรฐาน
- ต้องมีการผ่าตัดโดยศัลยแพทย์เฉพาะทาง
- ห้องผ่าตัดเป็นระบบคลีนรูม (Positive Pressure)
- มีบริการ After Care ดูแลหลังผ่าตัดอย่างครบครัน
- มีรีวิวผ่าตัดถุงไขมันใต้ตาจากเคสจริงให้ชม
บทความที่เกี่ยวข้อง
สรุป
การจัดการกับปัญหาไขมันใต้ตาและถุงใต้ตามีให้เลือกหลายวิธี ทั้งเจ็บน้อย เจ็บมาก ผ่าตัดและไม่ผ่าตัด สามารถเลือกวิธีที่สะดวกใจทำได้เลยครับ แต่ถ้าจะให้เหมาะแนะนำจริง ๆ แนะนำให้เข้าไปปรึกษาแพทย์ที่น่าเชื่อถือ ในสถานพยาบาลที่ปลอดภัยและได้มาตรฐานจริง ๆ นอกจากนี้ ให้ดูการดูแลและบริการ After Care จากทางสถานพยาบาลด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้มีความเสี่ยงเกิดขึ้น มีภาพวะแทรกซ้อนน้อย มีผลข้างเคียงน้อย ปลอดภัย และได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด!
ปรึกษาแพทย์ที่ Amara Clinic
ลงทะเบียนปรึกษา คลิกที่นี่
ติดต่อสาขารัชโยธิน : 062-946-2397
ติดต่อสาขาราชพฤกษ์ : 062-556-6623
ติดต่อทาง LINE : @amarasurgery
กดที่ลิ้งค์นี้ได้เลย >> https://lin.ee/ssQqAGV