ถุงใต้ตา แม้จะดูเป็นส่วนที่ไม่น่าจะสร้างปัญาหาให้กลับใบหน้าได้เท่าไหร่ แต่ในความเป็นจริงแล้วถุงใต้ตาจัดเป็นส่วนที่ส่งผลแก่ใบหน้าได้ไม่น้อยไปกว่าชั้นตาเลยครับ เพราะขนาดของถุงใต้ตาจะทำให้อายุของใบหน้าเพิ่มหรือลดได้เลยครับ ดังนั้นวันนี้หมอนิวจึงอยากชวยทุกคนไปสำรวจถุงใต้ตาของตนเอง ว่าถุงใต้ตาแบบเราควรถึงเวลาที่จะต้องหาวิธีรักษา ถุงใต้ตาแล้วหรือยัง? เพราะหากเราละเลยในจุดนี้ไป อาจนำมาซึ่งปัญหาถุงใต้ตามากมาย ๆ ที่หลายคนไม่รู้มาก่อน บทความในวันนี้หมอจึงได้รวบรวมทั้ง ปัญหาถุงใต้ตาที่พบบ่อย มีอะไรบ้าง? ปัญหาถุงใต้ตาเกิดจากอะไร? แล้วเราควรเลือกวิธีการรักษาถุงใต้ตาแบบไหน? – หมอนิว Amara Clinic
ลักษณะของปัญหาถุงใต้ตาที่พบบ่อย
ปัญหาถุงใต้ตาพบได้บ่อยทั้งในวัยรุ่นจนถึงผู้สูงอายุเลยครับ ซึ่งลักษณะของถุงใต้ตาแต่ละคนก็จะแตกต่างกันไปตามสภาพผิวและไลฟ์สไตล์ แต่ไม่ว่าจะเป็นถุงใต้ตาลักษณะแบบไหน ต่างก็รบกวนจิตใจของผู้ที่เป็น เพราะส่งผลทั้งให้หน้าดูโทรม โรยรา และยังทำให้ดูแก่กว่าวัยอีกด้วยครับ โดยปัญหาที่พบบ่อยมีดังนี้ครับ

ถุงใต้ตาหย่อนคล้อย
ปัญหาที่เรียกได้ว่ามีคนไข้เข้ามาปรึกษาหมอเยอะมาก ๆ ก็คือ อาการหย่อนคล้อยของถุงใต้ตา จุดสังเกตของปัญหาถุงใต้ตาลักษณะนี้จะเห็นได้จาก ขนาดของถุงใต้ตายาวลงมากว่าระดับปกติที่จะอยู่ติดกับขอบตาล่าง และมีขีดยาวล่างลงมาจากหัวตาจนถึงช่วงกลางหน้าแก้ม ปัญหานี้เมื่อก่อนอาจพบได้บ่อยในกลุ่มวัยกลางคนหรือผู้สูงอายุ แต่ปัจจุบันในวัยรุ่นก็เริ่มมีปัญหานี้กันมากขึ้นเยอะเลยครับ เนื่องจากการใช้กล้ามเนื้อตาที่มากขึ้น จากการใช้งานคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์ครับ
ถุงใต้ตาบวม
โดยปกติถุงใต้ตาของแต่ละคนจะมีความบวมนูนของไขมันใต้ตาออกมาอยู่แล้ว แต่ในบางกรณีถุงใต้ตาสามารถบวมออกมาใหญ่เกินไปจนทำให้หน้าดูไม่สมส่วนได้ครับ หลายคนมักพูดกันว่าตาบวมเป็นหัวปลาทอง ซึ่งลักษณะปัญหาถุงใต้ตาบวมแบบนี้จึงส่งผลต่อความงามได้โดยตรงเลยครับ อีกทั้งยังส่งผลให้ใบหน้าดูเศร้าไม่สดใสได้ด้วยครับ วิธีสังเกตถุงใต้ตาของเราว่ามีความบวมกว่าปกติหรือไม่ สามารถดูได้ง่ายเลยครับคือไม่ว่าจะเวลาไหนใต้ตาของเราจะนูนบวมออกมา เหมือนกับคนที่เพิ่งร้องไห้มาหนัก ๆ ตลอดเวลาครับ ในบางคนที่มีปัญหาใต้ตาบวมอาจมีปัญหาใต้ตาแดงหรือคล้ำกว่าปกติได้ด้วยครับ
ถุงใต้ตาไม่เท่ากัน
นอกจากเราจะสามารถมีปัญหาตาไม่เท่ากันได้แล้ว ถุงใต้ตาก็สามารถเกิดปัญหาไม่เท่ากันได้เช่นกันครับ ลักษณะของถุงใต้ตาจะเห็นได้ความไม่เท่ากันได้ชัดเจนเลยครับ โดยถุงใต้ตาข้างใดข้างหนึ่งมักจะมีความนูนออกมากว่าอีกข้าง ซึ่งปัญหานี้ส่งผลให้ใบหน้าดูไม่สมดุลและยังทำให้ตาดูไม่เท่ากันได้ด้วยครับ
ปัญหาถุงใต้ตาเกิดจากอะไร?
ก่อนที่เราจะไปลงรายละเอียดถึง วิธีรักษา ถุงใต้ตา หมอขอแนะนำให้ทุกคนทำความเข้าใจถึงปัญหาถุงใต้ตากันก่อนนะครับ เพื่อที่ทุกคนได้เช็กกับตัวเองว่าสาเหตุไหนที่ทำให้เรามีปัญหาถุงใต้ตา ซึ่งสาเหตุของปัญหาถุงใต้ตาก็สามารถเกิดได้จากหลากหลายปัจจัยมาก ๆ ครับ ทั้งปัจจัยที่เกิดจากการถ่ายทอดทางพันธุกรรม และสาเหตุจากพฤติกรรมและอาหารที่ทานเป็นประจำโดยสาเหตุหลัก ๆ มีดังนี้ครับ
- กรรมพันธุ์
- อายุที่มากขึ้น
- พักผ่อนไม่เพียงพอ
- ไม่ทากันแดดและสัมผัสแสงแดดเป็นประจำ
- โรคภูมิแพ้
- ขยี้ตาบ่อย
- ร้องไห้บ่อย
- ทานอาหารที่มีโซเดียมสูง
- การดื่มแอลกอฮอล์
- การสูบบุหรี่



‘รักษา ถุงใต้ตา’ วิธีไหนดี เห็นผลจริง หน้าดูเด็กกว่าเดิม!
ใครที่กำลังสงสัยว่าเมื่อมีปัญหาถุงใต้ตาแล้วเราควรรักษาถุงใต้ตาอย่างไรดี จริง ๆ การรักษาปัญหานี้สามารถทำได้ทั้งแบบวิธีธรรมชาติที่ทำได้ง่าย ๆ ที่บ้าน กับอีกวิธีที่เป็นการรักษาแบบผ่าตัด ซึ่งทั้งสองวิธีก็มีข้อดีและเสียที่แตกต่างกันไปครับ รวมทั้งยังใช้ระยะเวลาในการรักษาที่แตกต่างกันด้วยครับ เดี๋ยวเราไปดูกันเลยดีกว่าครับว่าจะมีวิธีรักษา ถุงใต้ตา ไหนที่เหมาะและตอบโจทย์ทุกคนกันบ้างครับ
บทความเพิ่มเติม
- ฉีดไขมันใต้ตา ฟื้นฟู-แก้ไขตาลึก ตาโบ๋ ใต้ตาแพนด้า!
วิธีรักษาถุงใต้ตาแบบธรรมชาติ
สำหรับการรักษาปัญหาถุงใต้ตาด้วยตัวเอง จะเป็นการวิธีที่เน้นการรักษาปัญหาถุงใต้ตาที่เกิดความผิดปกติ ที่มีสาเหตุมาจากการใช้ชีวิตเป็นหลักครับ แต่ไม่สามารถแก้ปัญหาที่เกิดจากพันธุกรรมได้มากเท่าไหร่ครับ แต่ทั้งนี้ทุกคนก็สามารถทำตามได้เพราะจะช่วยให้ผิวใต้ตาดีขึ้นไปด้วยครับ
ถุงชา
นอกจากชาจะช่วยให้ระหว่างวันเรารู้สึกสดชื่นแล้ว ถุงชาที่ผ่านการชงแล้ว ยังสามารถนำมาใช้ลดปัญหาถุงใต้ตาได้อีกด้วยครับ เนื่องจากคาแฟอีนในชามีสารตัวหนึ่งที่ชื่อว่า สารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) ที่ช่วยยับยั้งและชะลอความชราและความหย่อนคล้อยของถุงใต้ตา และยังช่วยให้เลือดใต้ผิวหนังหมุนเวียนได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วยครับ แต่ก่อนนำถุงชามาใช้แปะที่ใต้ตา หมอก็ขอแนะนำว่าให้นำไปถุงชาที่ผ่านการชงแล้วนำไปแช่ที่ตู้เย็นก่อน 20 นาที แล้วจึงนำมาแปะไว้ที่ใต้ตา 15-30 นาทีต่อครั้งครับ
ประคบเย็น
สำหรับผู้ที่มีปัญหาถุงใต้ตาบวมสามารถ รักษา ถุงใต้ตาได้โดยการประคบเย็นที่บริเวณถุงใต้ตา เพราะความเย็นจะทำให้เส้นเลือกหดตัว อาการบวมต่าง ๆ จึงยุบตัวลง ทำให้ถุงใต้ตาที่ปูดบวมขึ้นมาบรรเทาลงได้ครับ ซึ่งการประคบเย็นใต้ตา สามารถนำทั้งของกินหรือของใช้มาทำได้ เช่น
- ช้อนสแตนเลสแช่เย็น
- แตงกวาแช่เย็น
- เจลเย็น

ทากันแดดเป็นประจำ
แสงแดดถือเป็นอีกตัวการร้ายที่ทำให้ถุงใต้ตาเกิดความหย่อนคล้อยได้ยิ่งขึ้น ดังนั้นการทากันแดดเป็นประจำและหลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดนาน ๆ จะช่วยทำให้ปัญหาที่มีไม่รุกรามและเป็นหนักมากกว่าเดิมครับ ซึ่งกันแดดที่ใช้ควรเลือกกันแดดที่มี SPF 30++ ขึ้นไปครับ เพื่อให้การป้องกันมีประสิทธิภาพ
ทำความรู้จัก ค่า SPF คืออะไร? สำคัญอย่างไร?
นวดลดถุงใต้ตา
สำหรับผู้ที่ใช้สายตากับหน้าคอมมาก ๆ หรือนอนหลับไม่เพียงพอ วิธีนวดลดถุงใต้ตาถือเป็นอีกทางเลือก ที่สามารถทำได้ทั้งที่บ้านหรือไปทำตามโรงพยาบาลหรือสปาก็ได้ครับ ซึ่งการนวดใต้ตาจะช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น และยังช่วยยกกระชับไปด้วยในตัวด้วยครับ แต่ว่าการนวดก็ต้องระวังด้วยนะครับ หากนวดโดยผู้ที่ไม่มีความชำนาญอาจส่งผลเสียได้ครับ
คงความชุ่มชื้นของผิวไว้เสมอ
การคงความชุ่มชื้นไว้ให้ผิวใต้ตา จะช่วยให้ลดปัญหาใต้ตาบวมช้ำรวมทั้งยังช่วยให้ผิวดูอิ่มเอิบขึ้นได้ด้วยครับ ซึ่งวิธีเติมนำให้ผิวก็ง่ายและประหยัดมาก ๆ ครับ เพียงแค่ดื่มน้ำตามที่ร่างกายต้องการต่อวัน และหมั่นทามอยส์เจอไรเซอร์ในทุกวัน แต่ผลลัพธ์จะเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงชัดเจนได้ก็ต้องใช้เวลามาก ๆ ครับ
รักษา ถุงใต้ตา เร่งด่วนด้วยการผ่าตัดถุงใต้ตา
แม้ว่าวิธีการรักษาถุงใต้ตาตามธรรมชาติ จะช่วยบรรเทาอาการผิดปกติของถุงใต้ตาได้ แต่ก็ใช้เวลานานมาก ๆ ถึงจะเห็นผล อีกทั้งในบางเคสอย่างผู้ที่มีปัญหาถุงใต้ตาใหญ่และบวมจากกรรมพันธุ์ ก็จะรักษาตาแบบวิธีธรรมชาติไม่ค่อยเห็นผลมากนัก ในทางการแพทย์จึงมี วิธีรักษา ถุงใต้ตา ที่ให้ผลดีในทุกกรณีและใช้เวลารักษาแค่ 1 วัน นั่นก็คือการผ่าตัดถุงใต้ตาครับ
การผ่าตัดถุงใต้ตา คือการทำศัลยกรรมเทคนิคหนึ่งที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องจากให้ผลลัพธ์หลังทำที่ดีโดยไม่ต้องพักฟื้นนาน และยังเป็นการจัดการปัญหาถุงใต้ตาใหญ่และหย่อนคล้อยได้อย่างตรงจุด โดยการผ่าตัดถุงใต้ตาที่ Amara Clinic จะมี 2 เทคนิคด้วยกันครับ ซึ่งทั้งสองวิธีก็จะมีขั้นตอนที่ต่างกันและเหมาะกับคนไข้ที่มีปัญหาใต้ตาต่างกันด้วยครับ หมอได้ให้รายละเอียดไว้ที่ด้านล่างแล้วครับ
เทคนิคการผ่าตัดแบบเปิดแผลด้านใน
เหมาะสำหรับคนไข้ที่อายุน้อยแต่มี ปัญหาถุงใต้ตาบวม ใหญ่ หรือมีความไม่เท่ากัน สามารถแก้ไขได้ด้วยการผ่าตัดแบบเปิดแผลด้านใน ซึ่งวิธีการผ่าตัดก็ไม่ยุ่งยากเลยครับ ที่สำคัญคือใช้เวลาในการผ่าตัดน้อยมาก ๆ ครับ โดยหมอจะทำการหยอดยาชาให้คนไข้เป็นอันดับแรก แล้วจึงเปิดแผลบริเวณด้านในเปลือกตาล่าง ซึ่งแผลจะเล็กมาก ๆ ครับโดยมีความยาวไม่เกิน 7 มม. ดังนั้นเรื่องแผลเป็นหลังทำจึงไม่ต้องห่วงเลยครับ เพราะต่อให้มองใกล้ ๆ ก็แทบไม่เห็นเลยครับ หลังจากนั้นหมอจะทำการเจาะถุงไขมันแล้วนำก้อนไขมันออกมาครับ เพื่อให้คนไข้บวมช้ำน้อยยิ่งขึ้นที่ Amara Clinic เราจะมีการใช้เครื่องจี้ไฟฟ้าเพื่อห้ามเลือดก่อนทำการปิดแผลครับ หลังทำจึงมีอาการบวมน้อยลงครับ เท่านี้คนไข้ก็จะมีใต้ตาที่เรียนเนียนและดูสดใสขึ้นแล้วครับ
เทคนิคการผ่าตัดแบบเปิดแผลด้านนอก
เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาใต้ตาใหญ่และหย่อนคล้อย รวมทั้งมีปัญหาผิวและมีปัญหาใต้ตาเหี่ยวย่น ซึ่งการผ่าตัดแบบนี้จะเป็นการเปิดแผลที่บริเวณด้านนอกของขอบตาล่าง โดยทำการกรีดตั้งแต่บริเวณหัวตาไปถึงหางตา แล้วจึงทำการตัดก้อนไขมันส่วนเกินออกและเย็บกระชับกล้ามเนื้อตาให้อยู่ตำแหน่งที่สวยงาม หลังจากนั้นหมอจะมีการตัดผิวหนังส่วนเกินออกด้วยครับ เพื่อให้ถุงใต้ตาหลังทำมีความเรียบตึงยิ่งขึ้น ซึ่งเทคนิคนี้จะต้องใช้ความชำนาญในการผ่าตัดของแพทย์สูง รวมทั้งต้องมีความละเอียดมาก ๆ เพื่อไม่ให้กระทบต่อเส้นประสาทใด ๆ
ผ่าตัดถุงใต้ตา ดีอย่างไร
- ช่วยลดปัญหาถุงใต้ตาใหญ่ได้อย่างถาวร
- เพิ่มความเรียบเนียนให้กับใต้ตา
- ภาพรวมของใบหน้าแลดูอ่อนเยาว์ยิ่งขึ้น
- บวมช้ำน้อย พักฟื้นไม่นาน
- ใต้ตากระชับและเต่งตึง
- เห็นผลหลังทำทันที
วิธีดูแลตัวเองหลังผ่าตัดถุงใต้ตา
การดูแลตัวเองหลังจากผ่าตัดถุงใต้ตา ไม่ยุ่งยากเลยครับเนื่องจากการทำศัลยกรรมประเภทนี้ ถือเป็นการผ่าตัดเล็กจึงไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงเยอะมากนัก หลัก ๆ ก็จะเน้นไปที่การทำความสะอาดของใบหน้าในช่วง 1-3 วันแรกที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ ไม่ควรให้น้ำเข้าตาหรือใช้โฟนล้างหน้าที่มีสารเคมีแรง ๆ หมอแนะนำให้ใช้เป็นทิชชู่เปียกสำหรับทำความสะอาด โดยเลือกเป็นสูตรอ่อนโยนจะเหมาะที่สุดครับ นอกจากนี้ก็ไม่ควรนำมือไปสัมผัสกับใต้ตาหรือขยี้ตาแรง ๆ เพราะอาจไปกระทบแผลและทำให้บวมกว่าเดิมได้ครับ
ความแตกต่างระหว่าง ถุงใต้ตา VS ดอลลี่อาย
ตอนนี้เราก็ได้ทราบถึง “วิธีรักษา ถุงใต้ตา” กันไปมากพอสมควรแล้วนะครับ แต่มีอีกประเด็นที่คนไข้หลายคนมีความสงสัยอย่างมากและยังคงเกิดความสับสนอยู่อย่าง ความแตกต่างระหว่างถุงใต้ตาและดอลลี่อาย (Dolly eyes) ว่าทั้งสองอย่างใชอันเดียวกันไหม หมอต้องขอบอกเลยว่าทั้งสองอย่างต่างกันครับและถุงใต้ตาไม่ใช่ดอลลี่อายครับ โดยสังเกตง่าย ๆ คือ ถุงใต้ตาจะเป็นก้อนไขมันที่ขนาดใหญ่และหย่อนคล้อยมากกว่าดอลลี่อาย ซึ่งหากเรามีถุงใต้ตาใหญ่มากเท่าไหร่ก็จะยิ่งทำให้หน้าดูแก่และโทรมครับ แต่ในส่วนของดอลลี่อายจะมีลักษณะเป็นกล้ามเนื้อที่นูนขึ้นมาชิดกับขอบตาล่าง ทำให้ใบหน้าดูเด็กและยังช่วยทำให้ตาหวานสวยขึ้นด้วยครับ อย่างในกลุ่มสาว ๆ เกาหลีก็จะนิยมฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเพื่อเติมให้ใต้ตามีดอลลี่อายที่เด่นชัดขึ้นครับ ดังนั้นทั้งสองอย่างนี้จึงแตกต่างกันและส่งผลต่อใบหน้าในแง่ที่ต่างกันด้วยครับ
บทความที่เกี่ยวข้อง
สรุป
สำหรับผู้ที่มีปัญหาถุงใต้ตา แล้วเริ่มมีความไม่มั่นใจอย่าปล่อยเอาไว้นานเลยครับ เพราะยิ่งนานก็จะยิ่งส่งผลให้ปัญหารุนแรงและแก้ได้ยากขึ้นครับ ไม่ว่าจะเลือกรักษา ถุงใต้ตาด้วยวิธีใดหมอก็แนะนำให้เริ่มทำตั้งแต่วันนี้เลยจะดีที่สุดครับ แต่หากท่านใดที่กังวลใจและต้องการรักษาถุงใต้ตาแบบเร่งด่วน สามารถเข้ามาปรึกษาปัญหากับหมอนิวได้เสมอเลยครับ ที่ Amara Clinic ของเรายินดีให้คำปรึกษาและสร้างผลลัพธ์ที่ดีให้กับคนทุกเคสครับ หากท่านใดมีข้อสงสัยเพิ่มเติมสามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ได้ทาง LINE : @amarasurgery
ปรึกษาแพทย์ที่ Amara Clinic
ลงทะเบียนปรึกษา คลิกที่นี่
ติดต่อสาขารัชโยธิน : 062-946-2397
ติดต่อสาขาราชพฤกษ์ : 062-556-6623
ติดต่อทาง LINE : @amarasurgery
กดที่ลิ้งค์นี้ได้เลย >> https://lin.ee/ssQqAGV