การฉีดซิลิโคนเหลวหรือสารเหลวนั้น มีอยู่ในประเทศไทยมานานหลายสิบปีแล้วครับ ที่ได้รับความนิยมสูงก็เพราะว่ามันมีราคาถูกมาก โดยเกือบทั้งหมดล้วนมีการฉีดซิลิโคนเหลวกับหมอกระเป๋า หรือเรียกง่าย ๆ ว่าบุคคลทั่วไปที่ไม่ใช่แพทย์ ในสมัยก่อนคนก็อาจจะคิดว่าฉีดอะไรเข้าไปแล้วหน้าอิ่มหน้าฟู มีสันจมูกขึ้นมา ก็เหมือน ๆ กันนั่นแหละ คนอื่นทำสวยเราเองก็สวยได้ แถมยังอยู่ในงบประมาณที่สบายกระเป๋าอีกด้วย ทำไมจะไม่ทำล่ะ? สำหรับบทความนี้หมอก็จะมาพูดถึงปัญหาจากการฉีดซิลิโคนเหลวให้อ่านกันครับว่ามันมีความอันตรายยังไงบ้าง – หมอวี Amara Clinic
ถ้าถามว่าในปัจจุบันนี้ยังมีหมอกระเป๋ารับฉีดซิลิโคนเหลวอยู่ไหม? บอกเลยว่ามีครับ แต่จะไม่ได้โฆษณาอะไรโจ่งแจ้งมากเท่าไหร่นัก ลักษณะของหมอกระเป๋าคือการหิ้วกระเป๋า 1 ใบ ที่ใส่อุปกรณ์ทุกอย่างเข้าไป และนัดให้ไปฉีดที่ไหนก็ได้ ทั้งบ้านทั้งคอนโดของเราหรือของตัวหมอกระเป๋าเองก็ตาม
แม้การฉีดซิลิโคนเหลวจะมีราคาถูกมาก ๆ เพื่อนทำมาแล้วโอเค ไม่มีปัญหาอะไร แต่หมอขอบอกไว้สักนิดนึงนะครับ ว่าปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้จากการฉีดซิลิโคนเหลวนั้น ในแต่ละคนจะพบในช่วงเวลาที่ไม่เท่ากัน บางคน 2-3 เดือน แต่บางคนก็ 2-3 ปีถึงจะมีปัญหา ทางที่ดีคือไม่ฉีดซิลิโคนเหลวจะดีกว่าครับ
การฉีดซิลิโคนเหลว คือการฉีดสารโพลิเมอร์ที่มีลักษณะเหลวเข้าไปในบริเวณที่ต้องการเพื่อเพิ่มขนาด หรือทำให้บริเวณดังกล่าวมีความเต่งตึงขึ้นในทันที ไม่ต้องเปิดแผล ไม่ต้องผ่าตัด และที่น่ากลัวเลยนั่นก็คือ มันไม่ผ่านการรับรองจากอย. หรือเรียกได้ว่าเป็นตัวยาปลอมนั่นเองครับ
ซึ่งซิลิโคนเหลวนั้น มีจุดเด่นคือราคาถูก ฉีดเข้าไปได้ทันที หากไม่ใช่แพทย์หรือผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านนี้ จะแยกไม่ออกว่าเป็นซิลิโคนเหลวหรือฟิลเลอร์ จึงทำให้หมอกระเป๋าบางคนแอบอ้างว่ามันคือฟิลเลอร์ได้
หลังจากฉีดซิลิโคนเหลวเข้าไปแล้ว จะไม่เกิดการสลายเหมือนฟิลเลอร์แท้แต่อย่างใด สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากฉีดเข้าไปขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล อาทิ มีการอักเสบบวมแดง, มีผื่นแดงขึ้น, บริเวณดังกล่าวติดเชื้อเป็นหนอง, ซิลิโคนเหลวไหลไปยังบริเวณใกล้เคียง, ผิวขรุขระ ผิวไม่เรียบ, บริเวณที่ฉีดซิลิโคนเหลวมีความผิดรูป หรือทำให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมาอีกมากมาย
ข้อดีของการฉีดซิลิโคนเหลว
- ราคาเบา สบายกระเป๋ามาก
- แค่ฉีดเข้าไป ไม่ต้องผ่าตัด
- ไม่ต้องเสียเวลาในการพักฟื้น
- ไม่ต้องมีการติดตามเคสให้ยุ่งยาก
- ฉีดได้ทุกที่ทุกเวลาตามที่เราสะดวก
ข้อเสียของการฉีดซิลิโคนเหลว
- ไม่มีการรับรองจากอย. ไม่มีความปลอดภัย
- ฉีดโดยไม่มีการฆ่าเชื้อ จึงเสี่ยงติดเชื้อสูงมาก
- เกิดพังผืดขึ้นในภายหลัง ทำให้บริเวณนั้นผิดรูปได้
- เมื่อฉีดไปแล้ว ถ้าอยากเอาออก ต้องผ่าตัดออกเท่านั้น
- ร่างกายอาจต่อต้าน เกิดการแพ้ และทำหน้าพังได้
- ซิลิโคนเหลวไหลไปสร้างความเสียหายให้บริเวณใกล้เคียง
- ไม่สลายตัวไปเองตามธรรมชาติเหมือนฟิลเลอร์
- ผิวหนังบริเวณดังกล่าวมีความห้อยย้อย เป็นก้อน ผิดปกติ
ตำแหน่งที่คนชอบไปฉีดซิลิโคนเหลว
ส่วนใหญ่การฉีดซิลิโคนเหลวมักจะทำบริเวณใบหน้าครับ เพราะเหมือนกับว่าเป็นการแทนที่การฉีดฟิลเลอร์ แต่ก็มีเคสที่ฉีดสารเหลวเข้าไปบริเวณหน้าอกกับสะโพกด้วยเช่นกันครับ เรามาลองดูกันครับว่าตำแหน่งไหนบ้างที่นิยมฉีดสารเหลว และเมื่อฉีดเข้าไปแล้วมันก่อให้เกิดปัญหาอะไรตามมาบ้าง
ฉีดซิลิโคนเหลวที่จมูก
เพื่อหวังให้จมูกโด่งขึ้นมีสันสวยงาม แต่ปัญหาที่พบคือซิลิโคนเหลวไหลลงมากองที่ปลายจมูก ปีกจมูก และบริเวณดวงตา ทำให้จมูกบวมใหญ่ บานออก และเสี่ยงตาบอดได้
ฉีดสารเหลวที่หน้าผาก
เพื่อให้หน้าผากนูนสวยมีโหงวเฮงดี ๆ แต่ซิลิโคนเหลวมักจะไหลลงมาตามแรงโน้มถ่วงของโลก จากเดิมที่เคยอยู่บนหน้าผาก ก็ไหลลงมาที่บริเวณคิ้ว เปลือกตา และดวงตา
ฉีดซิลิโคนเหลวที่คาง
สำหรับคนที่อยากให้ใบหน้าดูเรียวขึ้นเป็นตัว V แต่ปัญหาที่พบคือคางเป็นก้อน กระจุกกัน จากที่อยากให้ใบหน้าช่วงล่างเป็นตัว V กลับกลายเป็นได้คางขนาดใหญ่มาแทน
ฉีดซิลิโคนเหลวที่โหนกแก้ม
เพื่อให้ดูมีแก้มส้มสวย ๆ โหนกแก้มชัด ๆ แต่พอนานวันเข้าซิลิโคนเหลวเหล่านี้จะไหลลงมากองอยู่ด้านล่าง ทำให้แก้มห้อย หน้าเหี่ยว ดูแก่ และผิดรูป
ฉีดซิลิโคนเหลวที่อวัยวะเพศ
เพื่อให้อวัยวะเพศมีขนาดใหญ่ขึ้นทั้งชายและหญิง นอกจากจะทำให้อวัยวะมีสัมผัสที่แข็งขึ้น ผิวไม่เรียบ และผิดรูปแล้ว ยังอาจทำให้เกิดการอักเสบ ติดเชื้อ และเน่าได้
ฉีดซิลิโคนเหลวที่หน้าอก
ถ้าต้องการอัพไซซ์หน้าอกจะต้องใช้ซิลิโคนเหลวในปริมาณที่เยอะมาก ๆ กังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นคือพังผืดมหาศาล หน้าอกแข็ง หน้าอกขรุขระ และถ้ารุนแรงก็ถึงขั้นตัดหน้าอกทิ้งได้เลยครับ นอกจากนี้ ยังทำให้การตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมนั้นเป็นไปได้ยากขึ้นอีกด้วย
ฉีดซิลิโคนเหลวที่สะโพก
เพื่อให้สะโพกผาย ก้นเต่งตึง ดูมีส่วนเว้าส่วนโค้งมากถึง การฉีดซิลิโคนเหลวที่สะโพกมักได้รับความนิยมในสาว ๆ สายฝอครับ ซึ่งพอทำไปแล้วอาจทำให้บริเวณบั้นท้ายเกิดการผิดรูปได้ เผลอ ๆ ซิลิโคนเหลวอาจจะไหลลงมาที่ต้นขาได้ครับ
ฉีดซิลิโคนเหลวพังทุกเคสจริงไหม?
แน่นอนว่าต้องมีคนเกิดความสงสัยว่า “ทำไมบางคนไปฉีดกับหมอกระเป๋ามาแล้วไม่เห็นเป็นอะไรเลย ไม่มีปัญหาอะไร แต่ทำไมบางคนหน้าพังหนักมาก” หมอต้องบอกว่าระยะเวลาและอาการที่เกิดขึ้น ของการที่สารเหลวจะทำปฏิกิริยาหรือตอบสนองกับร่างกายของแต่ละคนนั้นไม่เท่ากันครับ บางคนใช้เวลาหลักวัน บางคนหลักเดือน บางคนใช้เวลาหลักปีก็มีครับ
ดังนั้น ไม่ว่าเร็วหรือช้าก็มีโอกาสพังสูงมากครับ และที่แน่ ๆ คือซิลิโคนเหลวนั้น ไม่สามารถสลายหายไปได้เอง ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่สิบปีก็ตาม ยิ่งปล่อยไว้นานก็ยิ่งมีปัญหามากขึ้นครับ
วิธีแก้ไขและรักษาเคสที่หน้าพังเพราะสารเหลว
เมื่อฉีดซิลิโคนเหลวไปแล้วเกิดปัญหาขึ้นมา หมอจะรักษาตามอาการที่เกิดขึ้น โดยจะพิจารณาเป็นเคส ๆ ไปครับ ถ้าเป็นการอักเสบเพียงเล็กน้อย หมอก็อาจจะให้ทานยาหรือฉีดยาบรรเทาอาการ และรอติดตามผลการรักษาต่อไป แต่ถ้ามีความรุนแรงมาก ๆ ก็อาจจะจำเป็นต้องผ่าตัดขูดเอาสารเหลวออกมา
แต่ถ้าสารเหลวมันติดอยู่ในตำแหน่งที่ใกล้เส้นประสาทหรือจุดสำคัญหมอก็จะหลีกเลี่ยงครับ เพราะอาจจะมีปัญหาอื่น ๆ ตามมาได้ อาทิ ตาตก หน้าเบี้ยว ปากเบี้ยว หรือเสี่ยงเสียโฉมเป็นต้น ทั้งนี้ก็มีวิธีบรรเทาอาการและวิธีรักษาหลายวิธี ดังนี้ครับ
- การทานยาบรรเทาหรือประคองอาการไม่ให้รุนแรงไปมากกว่านี้ เหมาะสำหรับเคสที่สารเหลวยังไม่ไหลไปจุดอื่น
- การฉีดยาเข้าไปทำให้พังผืดมีความอ่อนตัวลง แล้วพอถึงเวลาที่เหมาะสมก็ผ่าตัดนำซิลิโคนเหลวออกมา
- การเจาะแผลขนาดเล็กและดูดเอาซิลิโคนเหลวออกมา ส่วนใหญ่จะทำในเคสที่ฉีดสารเหลวบริเวณใบหน้า
- การผ่าตัดขูดซิลิโคนเหลว พร้อมเลาะพังผืดออก (บางรายอาจจะถึงขั้นตัดเอาผิวหนังส่วนนั้นออกมาด้วย)
- การนำซิลิโคนเหลวออกมาให้หมด และเสริมซิลิโคนแบบแท่งเข้าไป เพื่อให้บริเวณดังกล่าวเป็นทรงสวยงาม
ใช้อะไรเสริมแทนซิลิโคนเหลวได้บ้าง?
หากไม่เสริมความงาม เพิ่มความเต่งตังด้วยการฉีดซิลิโคนเหลว ก็มีวิธีทางการแพทย์ที่ปลอดภัยอีกหลายอย่างเลยนะครับ ที่สามารถช่วยเติมเต็มความสวยให้เราได้ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ฟิลเลอร์แท้, การเติมไขมัน, การเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคนหรือไขมัน, การเสริมสะโพกด้วยซิลิโคนหรือไขมัน หรือการเสริมคางและจมูกด้วยซิลิโคนแท่ง เป็นต้น
การฉีดฟิลเลอร์แท้
สำหรับใครที่ต้องการฉีดสารเติมเต็มบริเวณใบหน้า หรือไม่อยากเสริมคางด้วยซิลิโคน แนะนำให้เลือกใช้เป็นฟิลเลอร์ (Filler) แท้ ที่ได้มาตรฐาน มีการรับรองจากอย. และฉีดในคลินิกที่น่าเชื่อถือนะครับ เพราะในบางกรณีถึงแม้ว่าจะทำฉีดในคลินิกก็ตาม แต่คลินิกดังกล่าวดันเอาฟิลเลอร์ปลอมมาฉีด และขายให้เราในราคาที่ถูกมาก ๆ ตรงนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับการฉีดสารเหลวเลยครับ
หากย้อนกลับไปหลายปีก่อน จะมีเคสที่นำฟิลเลอร์มาฉีดที่จมูกเพื่อทำให้จมูกโด่งขึ้น เพราะไม่ต้องการเปิดแผลผ่าตัดเพื่อเสริมซิลิโคนแบบแท่งเข้าไป จากนั้นก็เกิดปัญหาตาบอดขึ้นมา เลยทำให้กระทรวงสาธารณสุขออกมาแจ้งว่าห้ามใช้ฟิลเลอร์ในการฉีดเข้าที่จมูก ไม่ว่าจะเป็นฟิลเลอร์แท้หรือซิลิโคนเหลวก็ตาม (จมูกเป็นบริเวณที่อยู่ใกล้ดวงตา จึงมีความเสี่ยงที่สารเหลวจะไหลลงไปอยู่บริเวณตา และทำให้เกิดปัญหาได้ครับ) / อ่านข่าวได้ที่นี่
ซึ่งฟิลเลอร์มีหลายชนิด ทั้งชนิดแข็งและชนิดอ่อน แพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในการใช้ฟิลเลอร์จะเลือกฟิลเลอร์ให้เหมาะสมกับบริเวณที่จะฉีดอยู่แล้วครับ เช่น การฉีดฟิลเลอร์คาง ก็จะใช้ฟิลเลอร์ชนิดแข็ง หรือการฉีดฟิลเลอร์ปาก ก็จะใช้ฟิลเลอร์ชนิดอ่อน เป็นต้นครับ
การเติมไขมัน
การเติมไขมัน (Fat Transfer) คือการนำเอาเซลล์ไขมันใต้ชั้นผิวหนังออกมา และนำไปปลูกถ่ายในบริเวณที่ต้องการเติมเต็ม (เพิ่มขนาด, เพิ่มความเต่งตึง หรือปรับสภาพผิวให้มีสุขภาพที่ดีขึ้น) โดยทุกขั้นตอนจะต้องทำอย่างปลอดเชื้อที่สุด แนะนำตำแหน่งที่สามารถเติมไขมันเข้าไปได้ ตามนี้เลย
- ฉีดไขมันทั่วหน้า ปรับหน้าให้ดูเด็กลง
- ฉีดไขมันใต้ตา เติมเต็มร่องลึก แก้ตาโบ๋
- ฉีดไขมันหน้าผาก หน้าผากนูนสวย มีมิติ
- ฉีดไขมันร่องแก้ม แก้ปัญหาหน้าแก่
- ฉีดไขมันน้องสาว เพิ่มขนาด ปรับโหนกนูน
- ฉีดไขมันขมับตอบ ปรับรูปหน้าให้เป๊ะ
- ฉีดไขมันหน้าอก เพิ่มขนาด เพิ่มเนินอกอึ๋ม
- ฉีดไขมันมือเด็ก เพิ่มความเต่งตึง แก้มือเหี่ยว
- ฉีดไขมันสะโพก ปรับก้นเด้ง เพิ่มความกระชับ
การใช้ซิลิโคนหรือสิ่งที่มีอยู่ในร่างกาย
สำหรับคนที่ต้องการเสริมจมูกให้รูปหน้าดูมีมิติมากยิ่งขึ้น หรือต้องการเสริมคางเพื่อปรับรูปคางให้ดูเรียวยาวสวย หมอแนะนำให้ทำการเสริมด้วยซิลิโคนแบบแท่งไปเลยครับ ซึ่งตัวของซิลิโคนแท่งก็ยังมีหลายเกรดอีก ควรเลือกใช้ซิลิโคนที่มีมาตรฐาน หรือในปัจจุบันเราสามารถใช้พวกเนื้อก้นก้บ กระดูกซี่โครง กระดูกอ่อนหลังหู หรือเนื้อเยื่อเทียมมาเสริมแทนซิลิโคนได้ ฉะนั้น ก็ลองเลือกตามความชอบ และปรึกษาศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้เลยครับ
ส่วนคนที่อยากเสริมหน้าอก อัพไซซ์ให้ใหญ่ขึ้น ไม่ต้องไปง้อซิลิโคนเหลวครับ เสริมด้วยซิลิโคนก็ปลอดภัยมาก ในปัจจุบันมีหลายยี่ห้อที่ทำออกมาได้ดีเลยครับ แต่ถ้าไม่อยากให้มีแผลก็หันไปฉีดไขมันหน้าอกแทนก็ได้ ส่วนการเสริมสะโพกและก้นนั้น ก็สามารถเสริมด้วยซิลิโคนหรือเติมไขมันแทนก็ได้เหมือนกันครับ
บทความที่เกี่ยวข้อง
สรุป
สำหรับใครที่ฉีดซิลิโคนเหลวมาแล้ว ไม่ว่าจะเกิดปัญหาขึ้นมาแล้วหรือยังไม่เกิดปัญหาก็ตาม แนะนำให้เข้าไปปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนเลยครับ เพื่อดูความมันจะส่งผลกระทบอะไรต่อเราไปได้อีกบ้าง บางคนอาจจะกำลังมีปัญหาจากภายในแต่ยังไม่รู้ตัวก็เป็นได้ครับ นอกจากนี้ คนที่ฉีดฟิลเลอร์มาแต่ไม่ชัวร์ว่าเป็นฟิลเลอร์แท้หรือปลอม ลองตรวจสอบกล่องฟิลเลอร์ที่ทางคลินิกให้มา และสอบถามกับทางคลินิกให้แน่ใจอีกครั้งดูนะครับ ถ้าคลินิกมีความน่าเชื่อถือ มีรีวิวเยอะ ราคาระดับปกติ ก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงครับ ครั้งหน้าหมอวี Amara Clinic จะมีสาระอะไรมาฝากกัน ฝากติดตามอ่านด้วยนะครับ
ปรึกษาแพทย์ที่ Amara Clinic
ลงทะเบียนปรึกษา คลิกที่นี่
ติดต่อสาขารัชโยธิน : 062-946-2397
ติดต่อสาขาราชพฤกษ์ : 062-556-6623
ติดต่อทาง LINE : @amarasurgery
กดที่ลิ้งค์นี้ได้เลย >> https://lin.ee/ssQqAGV
ผู้ชำนาญการด้านศัลยกรรมตกแต่ง
นพ. วีรกานต์ สถิตนิรามัย (หมอวี)
แพทย์ศัลยกรรมตกแต่ง (Plastic Surgery)