“ผ่าตัดถุงใต้ตา” หน้าเด็กลงจริงไหม? หมอมีคำตอบ!

ส่วนเรื่องการร้องไห้ หมอไม่สามารถห้ามคนไข้ไม่ให้ร้องไห้ได้นะครับ เพียงแต่พยายามไม่เครียด มองโลกในแง่ดี ทำสิ่งที่เรารู้สึกผ่อนคลาย หมอก็คิดว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้วครับ หรือจะหันมาใช้วิธีการประคบเย็น หรือถ้าบ้านใครมีถุงชาที่ชงแล้วยังอุ่น ๆ อยู่สามารถนำมาประคบช่วยลดอาการถุงใต้ตาบวมได้นะครับ และอีกหนึ่งสาเหตุของถุงใต้ตาบวม นั่นก็คือ “โรคภูมิแพ้” คนที่แพ้ก็แพ้หนักจริง ๆ แต่ทั้งนี้เราสามารถดูแลตัวเองได้นะครับ ใครรู้ตัวว่าแพ้อะไรก็หลีกเลี่ยง ไม่พาตัวเราไปอยู่ในที่ที่กระตุ้นให้เกิดอาการภูมิแพ้ หรือปรึกษาแพทย์เพื่อเข้ารับการรักษาอาการภูมิแพ้ เท่านี้เราก็จะสามารถรับมือกับปัญหาถุงใต้ตาเทียมได้แล้วครับ

แต่สำหรับใครที่สังเกตตัวเองแล้วว่ามีถุงใต้ตาแท้ วิธีกำจัดถุงใต้ตาอย่างตรงจุดคงหนีไม่พ้น “การผ่าตัดถุงใต้ตา” ครับ ซึ่งเป็นวิธีที่เหมาะสำหรับคนที่มีถุงไขมันใต้ตารวมถึงผิวหนังใต้ดวงตาหย่อนคล้อย เป็นการผ่าตัดบริเวณผิวใต้ตาเพื่อเลาะนำไขมันออกมา และสามารถแก้ไขตัดผิวหนังส่วนเกินออกไปได้ด้วยครับ ซึ่งใช้เวลาผ่าตัดไม่นานเพียง 1 – 2 ชั่วโมง (ขึ้นอยู่กับความยากง่ายในแต่ละเคส) และไม่ต้องพักฟื้นนาน

วิธีผ่าตัดถุงใต้ตาสามารถแบ่งออกได้ 2 เทคนิค คือ เปิดแผลด้านในและเปิดแผลด้านนอก ซึ่งแต่ละเทคนิคก็จะเหมาะสำหรับปัญหาถุงใต้ตาที่แตกต่างกันออกไป ทั้งนี้หมอทำการตรวจวิเคราะห์ลักษณะปัญหาถุงใต้ตากันก่อนครับ เพื่อการแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด

• ในวันผ่าตัดให้นำแว่นตากันแดดมา เพื่อป้องกันพวกฝุ่นละออง หรือหลังผ่าตัดถุงใต้ตาอาจมีการบวมได้ ก็สามารถใช้แว่นตากันแดดอำพรางได้
• งดแต่งหน้า งดใส่คอนแทคเลนส์ ในวันผ่าตัด
• งดทานยาแอสไพริน ไอบิวโพรเฟนประมาณ 2 สัปดาห์ เพราะยากลุ่มนี้มีผลต่อการเกิดอาการฟกช้ำ
• งดทานอาหารเสริม วิตามิน รวมถึงน้ำมันตับปลาประมาณ 2 สัปดาห์ เพราะมีผลต่อการแข็งตัวของเลือด
• งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และงดสูบบุหรี่ก่อนผ่าตัด 2 สัปดาห์
• ไม่ต้องงดน้ำงดอาหารก่อนผ่าตัดถุงใต้ตา เนื่องจากเป็นการผ่าตัดเล็กที่ใช้เพียงยาชาเฉพาะที่

• ศัลยแพทย์ตกแต่งจะทำการประเมินผิวใต้ตาที่ต้องเอาออก
• จากนั้นทำการฉีดยาชา หรือหยอดยาชาร่วมด้วย (ในกรณีที่ใช้เทคนิคผ่าตัดถุงใต้ตาแบบเปิดแผลด้านใน)
• หากเป็นการใช้เทคนิคเปิดแผลด้านนอก ศัลยแพทย์จะทำการเปิดแผลผ่านผิวหนังตามแนวยาวบริเวณใต้ตาล่าง
• หากเป็นการใช้เทคนิคเปิดแผลด้านใน ศัลยแพท์จะทำการเปิดแผลผ่านทางเยื่อบุตา (ด้านในเปลือกตา)
• เมื่อเปิดแผลแล้ว ศัลยแพทย์จะนำไขมันส่วนเกินออก หากในกรณีที่มีผิวใต้ตาล่างหย่อนคล้อยก็จะทำการตัดผิวหนังส่วนเกินออก แล้วจึงทำการเย็บปิดแผลให้สวยงาม

• 1-2 วันแรกหลังทำตาสองชั้น ทำการประคบเย็นเพื่อลดอาการบวม โดยให้ประคบบริเวณรอบดวงตาและหน้าผาก ห้ามประคบบริเวณแผลโดยตรง หลังจากนั้นให้ประคบอุ่นต่ออีก 2-3 วัน
• ระวังไม่ให้แผลโดนน้ำในช่วง 3 วันแรก โดยให้ใช้ผ้าชุบน้ำสะอาดเช็ดทำความสะอาดใบหน้า และหลังจากนั้นค่อยล้างหน้าได้ตามปกติ
• ในสัปดาห์แรกหลังผ่าตัดให้นอนหัวสูง หนุนหมอนให้สูง หรือใช้หมอนรองคอ เพื่อลดอาหารบวมของแผล
• งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และงดสูบบุหรี่ประมาณ 1 เดือน 
• หยอดตา ทายา และทานยาตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด
• งดใช้สายตามาก ๆ ไม่ขยี้ตา และงดใส่คอนแทคเลนส์ เพราะตอนยกหนังตาเพื่อใส่คอนแทคเลนส์จะทำให้แผลฉีกได้ ควรใส่แว่นสายตาแทน 

หลังการผ่าตัดถุงใต้ตาในช่วง 1-3 วันแรกจะมีอาการบวมมาก และหลังจากนั้นจะค่อย ๆ ยุบบวมลง ซึ่งอาการบวมช้ำจะหายสนิทประมาณ 2-4 สัปดาห์ ซึ่งจะยุบบวมได้มากน้อยแค่ไหนนั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับการเตรียมตัวก่อนผ่าตัดถุงใต้ตาและดูแลตัวเองหลังผ่าตัดด้วยนะครับ อย่างในคนไข้บางรายที่ทานยาที่ป้องกันการแข็งตัวของเลือด หรือวิตามิน หรืออาหารเสริมบางชนิดที่มีส่วนประกอบเป็นวิตามินอี น้ำมันตับปลา ก็จะทำให้เกิดอาการบวมช้ำมากกว่าและนานกว่าครับ

คนไข้ส่วนใหญ่มักสงสัยว่า ผ่าตัดถุงใต้ตาไปแล้วสามารถกลับมาเป็นอีกได้ไหม การผ่าตัดถุงใต้ตาเป็นการนำเอาไขมันออกไปอย่างถาวร ซึ่งภายหลังคนไข้บางคนอาจสังเกตเห็นผิวใต้ตามีลักษณะปูด ๆ คล้ายว่ามีถุงใต้ตากลับมาอีก แต่ในความจริงแล้วถุงใต้ตาที่เราเห็นว่ามันปูด ๆ นั้น สาเหตุเกิดจากผนังกล้ามเนื้อที่อยู่บริเวณถุงใต้ตามีความหย่อนคล้อยลง แต่ไม่ต้องกังวลใจไปครับ คนไข้สามารถเข้ามาปรึกษาหมอเพื่อแก้ไขด้วยวิธียกกระชับผิวใต้ตาได้ เช่น การใช้เทคโนโลยี Thermatight กระชับผิวใต้ตา กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้โครงสร้างผิวแข็งแรงยิ่งขึ้น หรือการใช้ HIFU เทคโนโลยีที่ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนในทุกชั้นผิว กระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ที่มีความแน่นกว่าเดิม ทำให้ผิวใต้ดวงตาตึงกระชับมากยิ่งขึ้นนั่นเองครับ