จะทำยังไงดี? เมื่อเสริมจมูก แล้วบวมตรงระหว่างคิ้ว!! อาการนี้ปกติไหม? อันตรายรึเปล่า? แล้วถ้าไม่อยากให้บวมเยอะ ต้องทำยังไงบ้าง? บทความนี้มีคำตอบครับ ต้องบอกว่าหลังจากที่เสริมจมูกเสร็จแล้ว แต่การดูแลตัวเอง และการพักฟื้นหลังเสริมจมูกเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรพลาด เพราะไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัดศัลยกรรมอะไรก็ตาม ย่อมตามมาด้วยความอักเสบ อาการเจ็บ และอาการบวม ดังนั้นการที่เราเสริมจมูก แล้วบวมตรงระหว่างคิ้วนั้น จึงเป็นเรื่องที่สามารถพบได้นั่นเอง – หมอนิว Amara Clinic (ศัลยแพทย์เฉพาะทาง)
เสริมจมูก แล้วบวมตรงระหว่างคิ้ว เกิดจากอะไร?
เสริมจมูก แล้วบวมตรงระหว่างคิ้วเกิดจากการที่ร่างกายได้รับการบาดเจ็บ จากการที่แพทย์ใช้มีดเปิดปากแผล มีการใส่เนื้อเยื่อเทียมเข้าไป ทำให้เส้นเลือดและเส้นประสาทขนาดเล็กอาจได้รับผลกระทบได้ ตามมาด้วยการเสียเลือด และอาการบวมช้ำขึ้น โดยอาการเสริมจมูก แล้วบวมตรงระหว่างคิ้ว มักจะพบได้หลังจากที่เสริมจมูกมาแล้ว 2 วัน ส่วนใหญ่จะมีอาการบวมมาก ๆ ในวันที่ 2-3 จากนั้นจะค่อย ๆ ดีขึ้นตามลำดับ
ทั้งนี้ ในคนไข้แต่ละรายจะมีอาการเสริมจมูก แล้วบวมตรงระหว่างคิ้วที่ไม่เท่ากัน มากคนอาจจะบวมหนักมาก หรือบางคนอาจจะบวมน้อยมาก ซึ่งปัจจัยที่ส่งผลต่ออาการเสริมจมูก แล้วบวมตรงระหว่างคิ้วก็มีมากเช่นกัน สำหรับปัจจัยที่ส่งผลต่ออาการเสริมจมูก แล้วบวมตรงระหว่างคิ้วนั้น มีดังนี้
- ฝีมือและเทคนิคในการเสริมจมูกของแพทย์
- รูปแบบของการเสริมจมูกที่คนไข้เลือกทำ (Close / Open)
- การเตรียมตัวก่อนเสริมจมูกของคนไข้
- การดูแลตัวเองหลังเสริมจมูกของคนไข้
- ความถี่ในการติดตามอาการหลังเสริมจมูกกับแพทย์
อาการเสริมจมูก แล้วบวมตรงระหว่างคิ้วมีอยู่ 2 แบบ แบบแรกคืออาการบวมที่ไม่น่าเป็นห่วง ซึ่งจะมีความบวมช้ำขึ้นมาทำให้สันจมูกดูจางหายไปได้ อาจมีรอบช้ำม่วงช้ำเขียวปรากฏอยู่ร่วมด้วย จากนั้น จะค่อย ๆ ยุบลง และมีแนวโน้มที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนอาการเสริมจมูก แล้วบวมตรงระหว่างคิ้วแบบที่ 2 ค่อนข้างน่าเป็นห่วงและอันตราย เพราะอาจจะเป็นสัญญาณบางบอกว่าจมูกกำลังติดเชื้อก็เป็น อาการที่พบคือความบวมแดง เจ็บปวด มีน้ำเลือดหรือหนองไหลออกมา หรือบางเคสอาจจะมีอาการจมูกเปลี่ยนเป็นสีดำคล้ำขึ้นได้ ใครที่เจอแบบนี้ให้รีบแจ้งแพทย์โดยด่วน
เสริมจมูก แล้วบวมตรงระหว่างคิ้ว แก้ยังไงดี?
มาดูกันครับว่าการดูแลตัวเองหลังเสริมจมูก หรือสิ่งที่จะช่วยให้อาการเสริมจมูก แล้วบวมตรงระหว่างคิ้วดีขึ้น มีอะไรบ้าง? ทั้งนี้ หมอจะเน้นไปที่ช่วง 1 เดือนแรกหลังเสริมจมูกนะครับ เพราะส่วนใหญ่จมูกจะเริ่มเข้าที่สวยหลังทำเสร็จประมาณ 1 เดือน หลังจากที่ครบ 1 เดือนแล้ว แนะนำให้สอบถามแพทย์อีกครั้ง ในตอนที่เข้าไป Follow-up ว่าควรทำอะไรต่อไป หรือสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติแล้ว เนื่องจากแต่ละเคสจะมีปัญหาและระยะเวลาในการฟื้นฟูร่างกายที่ไม่เหมือนกันนั่นเอง
- ประคบเย็น หลังเสริมจมูกเสร็จทันที ให้ประคบเย็นบริเวณข้าง ๆ จมูก เพื่อให้เลือดหยุดไหล ทำให้หลอดเลือดหดตัวลง ส่งผลให้มีอาการบาดเจ็บน้อยลง อาการบวมจึงไม่มากไปกว่าเดิม แถมยังลดลงได้อีกด้วย
- ประคบอุ่น หลังจากที่อาการเสริมจมูก แล้วบวมตรงระหว่างคิ้วเริ่มลดน้อยลงแล้ว (ประมาณวันที่ 4-5 หลังเสริมจมูก) ช่วงนี้ เป็นช่วงที่แผลฟื้นฟูตัวเองได้ในระดับนึงแล้ว เนื้อเยื่อและเซลล์ต่าง ๆ เริ่มสมานตัว จากแผลสดก็จะเริ่มแห้ง ซึ่งการประคบอุ่นนั่น จะช่วยให้หลอดเลือดของเราขยายตัว ทำให้เลือดที่หลุดออกมากลับเข้าไปในหลอดเลือดได้เหมือนเดิม เลือดมีการไหลเวียนมาให้สารอาหารแก่แผล เมื่อแผลดีขึ้น อาการบวมก็น้อยลงตามไปด้วย
- รับประทานยาตามแพทย์สั่ง หลังจากที่เสริมจมูกมาแล้ว ปกติทางสถานพยาบาลหรือแพทย์จะมีการให้ยากลับมากินด้วย โดยจะประกอบไปด้วยยาลดอาการบวม, ยาแก้อักเสบ, ยาฆ่าเชื้อ และยาแก้ปวด ควรกินยาฆ่าเชื้อติดต่อกันทุกวันจนหมด ส่วนยาอื่น ๆ แนะนำให้กินตามอาหารครับ หรือใครอยากจจะทานแคปซูลใบบัวบกหรือน้ำมะพร้าวเพิ่ม เพื่อช่วยให้อาการ เสริมจมูก แล้วบวมตรงระหว่างคิ้วดีขึ้นด้วยก็ได้เช่นกัน
- นอนยกหัวสูง หลังจากศัลยกรรมมาแล้ว จะมีอาการบวมเกิดขึ้นในบริเวณนั้น การยกหัวสูงหรือยกตำแหน่งที่มีอาการบวมให้สูงกว่าระดับหัวใจ ก็เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่ได้ผลที่ดี ปกติคนเราจะนอนราบลงไปใช่ไหมครับ ถ้าใครเสริมจมูกมาแล้ว หมอแนะนำให้นอนยกหัวให้สูงขึ้นกว่าลำตัว อาจจะใช้หมอนซ้อนกันสองใบ นั่งนอน หรือกึ่งนั่งกึ่งนอนก็ได้ครับ (แนะนำให้ใช้หมอนล็อคคอไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้จมูกได้รับการกระทบกระแทก)
- หลีกเลี่ยงอาหารที่มีโซเดียม อาหารที่มีโซเดียมสูง อาทิ ขนมขบเคี้ยว, ของหมักดอง, ส้มตำปูปลาร้า, อาหารทะเล ฯลฯ จะทำให้แผลเสริมจมูกของเราบวมมากขึ้นกว่าเดิม เพราะโซเดียมจะทำให้เกิดการกักเก็บน้ำใต้ชั้นผิวหนัง ทำให้มีอาการบวมขึ้นมานั่นเอง อีกทั้งยังทำให้แผลของเราหายช้าลงอีกด้วย
- ดื่มน้ำในปริมาณมาก น้ำเปล่าเป็นอะไรที่สำคัญต่อร่างกายมาก เพราะส่งผลกับการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกาย รวมไปถึงการฟื้นฟูซ่อมแซมของร่างกายด้วย
- ทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย แนะนำให้ทานอาหารที่มีส่วนช่วยในการซ่อมแซมรอยแผล เสริมสร้างเนื้อเยื่อ และช่วยลดอาการบวมลง ไม่ว่าจะเป็นมะพร้าวอ่อน, ถั่วดำ, ฟักทอง, ใบบัวบก, เนื้อสัตว์, ไข่ไก่ และวิตามินต่าง ๆ อย่างธาตุเหล็ก ที่มีส่วนช่วยในการบำรุงโลหิต เป็นต้น
บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้หลังเสริมจมูก
อาการปกติทั่วไปหลังจากที่เสริมจมูกมาแล้ว มักจะเป็นอาการเจ็บ อาการชา อาการเสริมจมูกแล้วบวมตรงระหว่างคิ้ว และอาการฟกช้ำเล็กน้อย สามารถบรรเทาอาการได้ด้วยการทานยา รับบริการ After Care หรือการดูแลตัวเองตามที่หมอได้ให้คำแนะนำไป แต่อย่าเพิ่งนิ่งนอนใจไปครับ เพราะว่ามันอาจจะมีอาการที่ผิดปกติหรือภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้เช่นกัน ลองมาทำความรู้จักเพื่อนำไปสังเกตอาการหลังเสริมจมูกของตัวเองกัน ถ้าหากเกิดขึ้นอย่าไว้วางใจและปล่อยทิ้งไว้แบบนั้นนะครับ รีบแจ้งแพทย์หรือสถานพยาบาลที่เข้าไปเสริมจมูกด่วน!
ปัญหาซิลิโคนลอย
ซิลิโคนลอยเป็นอาการที่ซิลิโคนเสริมจมูกมันไม่แนบติดกับจมูกของเรา จับแล้วจะไม่อยู่กับที่ สามารถขยับไปมาได้ เมื่อซิลิโคนลอยแล้ว จะยิ่งเห็นได้ชัดเจนว่าจมูกไม่ธรรมชาติ ดูออกได้ง่ายว่าเสริมจมูกมา อาการนี้ เกิดจากการที่แพทย์วางซิลิโคนในชั้นตื้น จึงทำให้ซิลิโคนมันไม่ถูกยึดเกาะนั่นเอง หากปล่อยไว้นาน ๆ อาจส่งผลให้มีปัญหาจมูกทะลุได้
จมูกทะลุ / ซิลิโคนทะลุ
ปลายจมูกทะลุหรือซิลิโคนทะลุ สามารถเกิดได้ทั้งในช่วงแรกหลังเสริมจมูก และหลังจากที่เสริมจมูกมานานแล้ว สาเหตุมาจากการที่การเสริมซิลิโคนขนาดใหญ่เกินไป หรือมีปลายพุ่งมากเกินไป ในคนที่มีเนื้อจมูกน้อยและจมูกสั้น นอกจากนี้ ยังเกิดได้จากการที่เสริมจมูกมานานหลายปี ใช้ชีวิตไปเรื่อย ๆ ผิวหนังเริ่มมีปัญหาหย่อนคล้อย ซิลิโคนค่อย ๆ เลื่อนตกลงมาตามแรงโน้มถ่วงของโลกไปเรื่อย ๆ จึงทำให้ปลายจมูกเริ่มบาง ใส และทะลุออกมานั่นเอง
จมูกเบี้ยว / ซิลิโคนไม่ตรง
หากเสริมจมูกด้วยซิลิโคนมาแล้ว จมูกเบี้ยวเอียงจะเห็นได้ชัดมากครับ สามารถเกิดได้จากฐานจมูกเดิมของคนไข้ที่อาจจะเบี้ยวอยู่แล้ว, การวางซิลิโคนผิดตำแหน่งของแพทย์ หรือการที่คนไข้ได้รับการกระทบกระแทกบริเวณจมูกมา ทำให้รูปจมูกเปลี่ยนและเบี้ยวเอียง หากคุณกำลังพบปัญหาจมูกเบี้ยวหลังเสริม ต้องแจ้งแพทย์ก่อนนะครับ ห้ามพยายามบิดซิลิโคนเอง เพราะอาจทำให้เป็นหนักกว่าเดิมและอันตรายมากขึ้นได้
เสริมจมูกที่ไหนดี? ทำไมต้อง Amara Clinic?
สำหรับใครที่กำลังมองหาสถานที่เสริมจมูกที่เสริมจมูกออกมาได้สวย มีอาการเสริมจมูก แล้วบวมตรงระหว่างคิ้วน้อย และปลอดภัย แต่ไม่รู้ว่าจะไปเสริมจมูกที่ไหนดี หมอขอแนะนำ Amara Clinic (เอมาร่า คลินิก) เลยครับ เราเป็นมีบริการศัลยกรรมเพื่อความงามที่หลากหลาย ทั้งใบหน้าและลำตัว โดยศัลยแพทย์เฉพาะทาง วิสัญญีแพทย์ และแพทย์ผู้ชำนาญการ ไม่ว่าจะเป็นเสริมจมูก, เสริมหน้าผาก, ผ่าตัดถุงใต้ตา, เสริมคาง, ทำตาสองชั้น, เติมไขมัน, ดูดไขมัน, ยกกระชับ, ผ่าตัดหนังหน้าท้อง ฯลฯ นอกจากนี้ เรายังมีรีวิวจากเคสจริงเพียบ และให้บริการอย่างมีมาตรฐานทุกขั้นตอนอีกด้วย
- เสริมจมูกโดยศัลยแพทย์เฉพาะทาง
- ให้ยาสลบโดยวิสัญญีแพทย์วิชาชีพ
- มีบริการ After Care ดูแลแบบจัดเต็ม
- เน้นผลลัพธ์ที่สวยงามและสมส่วนที่สุด
- ออกแบบการรักษาให้เหมาะกับแต่ละคน
- รีวิวเสริมจมูกจากเคสจริงจัดเต็ม มีให้ชมเพียบ!
- โปรโมชั่นเสริมจมูกราคาดีมาก คุ้มแน่นอน
- เจ้าหน้าที่ดูแลและติดตามอาการอย่างใกล้ชิด
บทความที่เกี่ยวข้อง
สรุป
สรุปว่าอาการเสริมจมูก แล้วบวมตรงระหว่างคิ้วเป็นอาการปกติที่พบได้แทบจะทุกคน ไม่เป็นอันตรายใด ๆ และจะค่อย ๆ ยุบบวมลงเองตามการฟื้นฟูของร่างกาย แต่ถ้าพบว่าอาการบวมไม่ลดลงสักที ยิ่งปวดบวมขึ้นเรื่อย ๆ มีอาการแดงและมีของเหลวไหลออกมา ตรงนี้อาจเป็นอาการของจมูกติดเชื้อได้ ต้องรีบพบแพทย์เพื่อแก้ไขปัญหาทันที เพื่อไม่ให้เชื้อลามไปมากกว่านี้นั่นเอง สุดท้ายนี้ อย่าลืมดูแลตัวเองหลังเสริมจมูกดี ๆ และเข้าไปรับบริการ After Care ตามที่แพทย์แนะนำนำนะครับ เพราะผลลัพธ์หลังการเสริมจมูกจะขึ้นอยู่กับการดูแลหลังทำถึง 30% เลยทีเดียว หากใครสนใจเสริมจมูกใหม่ หรือต้องการแก้ไขจมูกหลังจากที่ทำมาแล้วไม่ถูกใจ สามารถนัดปรึกษาแพทย์ที่ Amara Clinic ผ่านช่องทางติดต่อด้านล่างนี้เลย!
ปรึกษาแพทย์ที่ Amara Clinic
ลงทะเบียนปรึกษา คลิกที่นี่
ติดต่อสาขารัชโยธิน : 062-946-2397
ติดต่อสาขาราชพฤกษ์ : 062-556-6623
ติดต่อทาง LINE : @amarasurgery
กดที่ลิ้งค์นี้ได้เลย >> https://lin.ee/ssQqAG
Thank you for your sharing. I am worried that I lack creative ideas. It is your article that makes me full of hope. Thank you. But, I have a question, can you help me?
PMID 34830947 Free PMC article [url=https://fastpriligy.top/]can priligy cure pe[/url] In this study, three of the first six patients treated at the 100 mg m 2 b